วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รีวิว Lip SIVANNA คุณภาพดี ราคาน่าคบ

สวัสดีจ้า วันนี้มิกซี่มารีวิวลิปสติกของ sivanna คร้า

เจ้าลิปที่จะเอามารีวิววันนี้มีชื่อเต็มว่า SIVANNA lipstick-Lip Gioss


แน่นอนว่ามันมีสองหัว ซึ่งมันคุ้มมากๆเลยทีเดียว
ด้านล่างมี สถานที่ผลิตและวันหมดอายุ บอกชัดเจน รวมถึงเลขสคบ ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัย


ต่อไปมาดูสีกันแบบชัดๆดีกว่านะ



สีออกชัดเจนดี ทาง่ายไม่แห้งและไม่วาวจนเกินไป คุ้มกับราคาที่ได้

ไปดูด้านที่เป็นกรอสกันบ้างดีกว่านะ..
.
.
.

หน้าตาด้านที่เป็นกลอสเป็นแบบนี้คะ ที่เห็นรอยกระดาษที่ขวดกลางอะไม่ใช่อะไรนะคะแค่ต้องการฉีกบาร์โค้ดออกแต่ไม่ประสบความสำเร็จคะ 5555



ต่อไปจะเป็นสีของลิปกลอสคะ


เม็ดสีแน่นมว๊ากกก ก ก จะทาลิปกลอสเดี่ยวๆหรือทาทับลิปอีกที่ก็เริ่ดมากคร้า ถ้าต้องการลุคใสๆมิกซี่แนะนำให้ทาลิปกลอสอย่างเดี่ยวคะเพราะจะได้สีที่ดูแวววาวเป็นธรรมชาติไม่จัดจ้านเกินไป แต่ถ้าจะไปปาร์ตี้ละก็ใช้แบบทาทับลิปอีกทีก็เริ่ดคร้า 


ถ้าเทียบราคากับคุณภาพแล้วมิกซี่ขอบอกเลยว่าคุ้มคร้า อย่าลืมไปหามาไว้ใช้กันนะ สำหรับวันนี้มิกซี่คงต้องจบการรีวิวเพียงเท่านี้ค้า เจอกันใหม่บทความหน้า

https://www.facebook.com/sivanna.beauty

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เกร็ดความรู้มีเรื่องวันหมดเครื่องสำอางค์


สวัสดีคร้าาา วันนี้มิกซี่เอาเกร็ดความรู้เกี่ยวกับวันหมดอายุเครื่องสำอางค์มาฝากสาวๆกันคะ
วันหมดอายุของเครื่องสำอางค์เนี่ยถือเป็นเรื่องทำสำคัญมากเลยทีเดียวเพราะหากพลาดไปใช้เครื่องสำอางค์ที่หมดอายุไปแล้วล่ะก็ หน้าพังคะ!! หน้าพังสถานเดียวเท่านั้น 
อย่าคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องไกลตัวคะ เพราะมิกซี่มั่นใจว่าสาวๆหลายคนหรือเกือบทุกคน รวมถึงมิกซี่เองด้วยมักจะซื้อเครื่องสำอางค์ใหม่บ่อยๆโดยที่ของเก่ายังไม่หมดเลย!! และอิของเก่านั้นจะถูกลืมไปช่วงระยะหนึ่ง และในช่วงที่มันถูกเราลืมไปนั้น มันอาจเกิดน้อยใจหมดอายุไปซะก่อนโดยที่เราไม่รู้และเกิดเผลอหยิบมันมาใช้ละก็ เกิดเรื่องคะ!!

เอาล่ะเม้ามอยกันมาเยอะละเรามาดูช่วงเวลาอายุของเครื่องสำอางค์เรากันดีกว่าคะ

- มาสคาร่า หมดอายุภายใน 3 เดือน หลังเปิดใช้ครั้งแรก

- อายแชโดว์ หมดอายุภายใน 2 ปี หลังจากเปิดใช้ครั้งแรก

- อายไลเนอร์หรือดินสอเขียนขอบตา ในกรณีที่มีการเหลาใช้เป็นประจำ จะหมดอายุภายใน 2 ปี

- ลิปสติก หมดอายุภายใน 2-3 ปี หลังจากเปิดใช้ครั้งแรก

- ลิปไลเนอร์หรือดินสอเขียนขอบปาก หมดอายุภายใน 2 ปี หลังจากเปิดใช้ครั้งแรก

- รองพื้น ถ้าเป็นแบบผสมน้ำ ใช้ได้ 1 ปี แบบผสมน้ำมัน ใช้ได้ภายใน 1 ปีครึ่ง หลังจากเปิดใช้ครั้งแรก

- แป้งฝุ่นหรือแป้งบลัชออนสีต่าง ๆ ที่ใช้ทาแก้ม-หน้า จะหมดอายุภายใน 2 ปีหลังจากเปิดใช้ครั้งแรก

- ยาทาเล็บ ปกติจะหมดอายุภายใน 1 ปี แล้วแต่คุณภาพ ระหว่างนั้น ถ้าไม่ค่อยได้ใช้ ควรเขย่าขวดบ่อย ๆ จะช่วยยืดอายุได้

- น้ำหอม ถ้ายังไม่เปิดใช้และเก็บให้ห่างจากแสดงสว่างและความร้อน จะมีอายุนาน 3 ปี ถ้าเริ่มเปิดใช้ จะอยู่ได้นานราว 1 ปีครึ่ง แต่ถ้าเริ่มมีกลิ่นผิดปกติหรือมีกลิ่นฉุนคล้ายน้ำส้มสายชู มีสีคล้ำลงหรือเปลี่ยนสี ลักษณะข้นเหนียว แสดงว่าน้ำหอมขวดนั้นหมดอายุไปแล้ว

รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมสังเกตเครื่องสำอางก่อนใช้ จะได้ใช้เครื่องสำอางที่มีประสิทธิภาพกันนะ


กรีดตาด้วยอายไลเนอร์ให้เฉี่ยวคมสำหรับมือใหม่


ต้องยอมรับเลยว่ามิกซี่เป็นคนหนึ่งที่มีปัญหากับการกรีดตาด้วยอายไลเนอร์อยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเขียนออกมาแล้ว เส้นเล็กไป หรือหนาไป เส้นไม่คม เส้นไม่เฉี่ยว ตวัดหางแล้วออกมาทื่อๆ หรือแม้กระทั่งเขียนตาสองข้างออกมาไม่เท่ากัน (-.-") เฮ่อ... บอกตรงๆ เลยว่าเสียเวลาไปกับการเขียนเจ้าอายไลเนอร์นี้บางทีนานเกือบชั่วโมงเลยเชียวนะ จนหลายครั้งก็ตัดปัญหาขี้เกียจมานั่งเสียเวลาค่อยๆ บรรจงกรีดแล้วลบ แล้วก็กรีดใหม่ แล้วก็ลบ จนหนังตาเปื่อยไปหมด สุดท้ายก็ต้องยอมออกจากบ้านด้วยหน้าสดๆ มันนี่แหละ ซึ่งเราว่าน่าจะมีสาวๆ  อีกหลายคนที่เจอปัญหาแบบเดียวกันกับเราอยู่เหมือนกันใช่มั้ยล่ะ?! แต่ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงแล้ว บางครั้งมันก็มีอารมณ์อยากสวยอยากเปรี้ยวบ้างเหมือนกัน ก็เลยถึงเวลาฮึดสู้ และคิดว่าจะต้องเอาชนะการกรีดตาในเวลาไม่เกิน 10 นาทีให้ได้ทีเดียวเชียว!!! (ดูเป็นภาระกิจที่ยิ่งใหญ่ยังไงยังงั้น 5555!!)โชคดีที่ไปเจอวิธีการกรีดตาด้วยอายไลเนอร์ที่ดูแล้วเหมือนจะยาก  แต่พอลองลงมือกรีดด้วยตัวเองแล้ว  มันก็ไม่ยากอย่างที่คิด และแล้วเราก็ประสบความสำเร็จในการกรีดตาด้วยอายไลเนอร์ซะที เย้!! ไม่อยากเก็บเคล็ดลับนี้ไว้คนเดียว ครั้งนี้ก็เลยขอเอามาแชร์ให้สาวๆ ที่มีปัญหานี้เหมือนกันกับมิกซี่ ลองเอาไปใช้กันดูบ้าง

เอาล่ะพูดมากแล้ว เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าคะ ^^


ขั้นตอนที่ 1
เขียนอายไลเนอร์เป็นเส้นตามแนวขอบตาบน โดยพยายามเขียนให้ชิดขอบแนวขนตามากที่สุดเท่าที่จะทำได้


ขั้นตอนที่ 2
ใช้อายไลเนอร์ลากเส้นจากหางตาเฉียงขึ้นไปด้านบน ให้มีความยาวประมาณ 0.5-1 ซม. หรือตามที่
ต้องการ


ขั้นตอนที่ 3
ลากเส้นจากช่วงปลายหางตาโดยเริ่มจากจุดที่วัดเข้าไปประมาณ 0.5-1 ซม. โดยลากออกมาในลักษณธโค้งและตวัดขึ้นให้ไปบรรจบกับปลายเส้นแรกที่เขียนไว้ จะได้ออกมาเป็นรูปเหมือน "ปีก" 


ขั้นตอนที่ 4
ใช้อายไลเนอร์ค่อยๆ เติมสีส่วนที่เป็นช่องโหว่ให้สมบูรณ์ เก็บรายละเอียดให้สวยงาม

แต่นแต้น!! เสร็จแล้วคะ ง่ายๆเพี่ยง 4 ขั้นตอน เราก็มีตาสวยเฉี่ยวพร้อมสำหรับออกไลัลล้าข้างนอกคะ

เจอกันใหม่บทความหน้าคร้าา าา 
https://www.facebook.com/sivanna.beauty

วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

10 ข้อแนะนำในการทาลิปสติก ให้สวยเริ่ดกว่าที่เคย

 ต่อให้ตอนนี้เมคอัพริมฝีปากจะมีหลากหลาย ทั้งทินท์ ทั้งกลอส ไม่ว่าจะเป็นกลอสใสหรือกลอสแบบมีสี แต่ถ้าพูดถึงความคลาสสิคที่ยังไว้วางใจได้เสมอ ก็ต้องยกให้ "ลิปสติก" นี่แหละค่ะ ที่เป็นคู่ใจอันดับหนึ่ง ทาแล้วได้ลุคที่เป็นโปรเฟสชั่นนอลกว่า สีสวยสดคมกว่า ทำให้เรียวปากดูชัดเจนโดดเด่นได้มากกว่า และคราวนี้เพื่อความสวยของเรียวปากอย่างสมบูรณ์แบบ ลองมาดูข้อแนะนำในการทาลิปสติก ให้สวย ให้เริ่ด กว่าที่เคยกันเลยค่ะ

     1. เตรียมผิวริมฝีปาก

          เพื่อจะทาลิปติกให้ดูเรียบเนียน ก็ต้องเตรียมผิวริมฝีปากให้พร้อมด้วย อย่าลืมทำการสครับริมฝีปากด้วยเกลือและกับน้ำมันกินได้ อย่างอัลมอนด์ ออยล์ หรือโอลีฟออยล์ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือใช้แปรงสีฟันขนนุ่มขัดริมฝีปากเบา ๆ หลังแปรงฟันก็ได้ค่ะ

     2. เลี่ยงลิปสติกที่มีชิมเมอร์มากเกินไป

          ลิปสติกที่มีประกายชิมเมอร์มาก ๆ บางทีก็ดูหลอกตาเกินไป โดยเฉพาะเมื่อจะใช้ทาให้เรียวปากดูมีประกายอิ่มเอิบขึ้นมา การเลือกใช้ลิปสติกที่สามารถให้ความชุ่มชื้น หรือเนื้อที่ดูเป็นครีมมากกว่า จะสามารถให้ประกายออกมาจากตัวเนื้อลิปสติกเองได้ แถมยังดูอิ่มสวยกว่าพวกที่ใช้ลูกเล่นประกายชิมเมอร์ หรือเมทัลลิกเสียอีก

     3. เลือกลิปสติกเฉดที่เหมาะกับสีริมฝีปาก

          หากอยากจะทาลิปสติกให้สวย ให้เลือกสีลิปสติกโดยพิจารณาให้รับกันดีกับสีของริมฝีปาก (ไม่ใช่สีผิวนะจ๊ะ)

       คนที่มีเรียวปากค่อนข้างซีด ดูดีในสีแดงเชอร์รี่ หรือแดงคอรัล

       คนที่มีปากแดงเป็นสีเลือดโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ดูดีในสีฮ็อตพิงค์ สีส้ม หรือสีแดงแครนเบอร์รี่

       คนที่มีริมฝีปากค่อนข้างคล้ำ ดูเกิดมาก ๆ ในสีแดงอิฐ หรือแดงเบอร์กันดี

     4. วิธีเลือกลิปสติกสีนู้ดให้แจ่ม

          ลิปสติกสีนู้ดที่ทาแล้วจะดูสวย คือสีนู้ดโทนที่อ่อนกว่าหรือเข้มกว่าสีผิวจริงเพียงเล็กน้อย หากคุณเป็นคนผิวขาวให้เลือกเฉดนู้ดที่เจือสีชมพูจาง ๆ แต่ถ้าคุณมีผิวเหลืองหรือออกไปทางคล้ำ ให้เลือกสีเบจที่เข้มกว่าผิวจริงนิดหน่อย จะสวยมาก

     5. เลือกสีไม่ดีระวังจะเหมือนผีดูดเลือด

          ลิปสติกสีแดงที่เจือสีน้ำเงินหรือม่วงเอา (สีแดงอันเดอร์โทนน้ำเงิน) ไว้มากเกินไป อาจให้ลุคที่ดูโทรม สูงวัย ไปจนถึงดูเหมือนกับผีดูดเลือดได้ หากต้องการเลือกลิปสติกสีแดงอันเดอร์โทนน้ำเงินแบบนี้ ให้เลือกแบบที่เจือสีน้ำเงินหรือม่วงเพียงเล็กน้อย จะปลอดภัยในการใช้มากกว่า

     6. เคล็ดลับการทาลิปไลน์เนอร์

          ปัจจุบันนี้ลิปสติกมีคุณภาพดีขึ้นมาก ทาแล้วติดทน ไม่เลือนไว ให้เม็ดสีที่แน่นคมชัด จนแทบไม่ต้องใช้ลิปไลน์เนอร์กันเลย ลิปไลน์เนอร์ที่เคยฮิตกันพักใหญ่จึงค่อย ๆ ลดความสำคัญลง แต่ถ้าอยากเน้นขอบปาก โดยเฉพาะรอยหยักตรงกลางริมฝีปากบนที่เขาว่ากันว่าดูเซ็กซี่ ให้เด่นชัดขึ้น ให้เลือกใช้ลิปไลน์เนอร์สีที่เท่ากับสีของริมฝีปาก (ไม่ใช่เท่ากับสีลิปสติกนะคะ) วาดเน้นตรงรอยหยักที่ขอบริมฝีปากบน เท่านี้ก็ช่วยเน้นให้เห็นส่วนรอยหยักที่เซ็กซี่ได้ชัดเจนแล้ว

     7. ใช้นิ้วแตะริมฝีปากเบา ๆ หลังทาเสร็จ

          หลังจากทาลิปสติกเสร็จแล้ว ให้ใช้ปลายนิ้วแตะให้ทั่วริมฝีปากเบา ๆ เพื่อเป็นการทำให้สีลิปสติกที่สดจากแท่งดูละมุนลง และดูกลมกลืนไปบนเรียวปากมากขึ้น

     8. เริ่มทาปากจากตรงกลาง

          ในการทาลิปสติก ให้เริ่มทาจากตรงกลางริมฝีปากเสมอ จากนั้นจึงค่อย ๆ เบลนออกไปที่มุมปากทั้งสอง จะทำให้ได้น้ำหนักของสีที่สวยงามกว่า

     9. ไม่ทาลิปสติกจัดเกินไป

          หลีกเลี่ยงการทาลิปสติกที่จัดจ้านเกินไป ด้วยการเริ่มทาที่ริมฝีปากล่างก่อน แล้วเม้มปาก สีลิปสติกก็จะกระจายไปที่ริมฝีปากบนด้วย จากนั้นจึงเบลนหรือเติมสีให้พอดีอย่างบรรจงโดยการใช้พู่กันทาปาก

     10. ทาลิปสติกแล้วซับปาก เคล็ดลับความติดทน

          เมื่อทาลิปสติกชั้นแรกแล้ว ให้ซับริมฝีปากด้วยกระดาษทิชชู่ จากนั้นจึงทาลิปสติกซ้ำอีกครั้ง ลิปสติกชั้นแรกทำหน้าที่เหมือนเบส ส่วนชั้นที่สองที่ทาลงไปก็เป็นตัวปกป้องชั้นเบส และทำให้สีดูสด คมชัดมากยิ่งขึ้น และที่ติดทนนานก็เพราะต่อให้ชั้นบนเลือนไป ชั้นเบสที่ทาเอาไว้ก็ยังคงอยู่นั่นเอง


           ได้ทราบเคล็ดลับในการทาลิปสติกดี ๆ แบบนี้แล้ว คราวนี้ถึงเวลางัดเอาลิปสติกแท่งเก่งของคุณมาใช้อีกครั้งแล้วล่ะ คราวนี้รับรองทาแล้วสวยเริ่ดกว่าเดิมแน่นอนค่ะ ;)


 เจอกันใหม่บทความหน้านะคะ บ๊ายบาย
https://www.facebook.com/sivanna.beauty

รีวิว ลิปดินสอ sivanna ที่แสนถูก และ ดี

 สวัสดีคะ ในที่สุดก็ได้มีเวลามาทำรีวิวซักที หลังจากเห่อกันมาพักใหญ่ๆ กับเจ้าลิปดินสอของ”SIVANNA”ที่เหล่าบล็อกเกอร์กรีดร้อง ว่ามัน ถูก ดี เริ่ด เกินราคา ซึ่งทำให้คิดได้ว่า ของถูกและดีก็ยังมีในโลกนะเธอ
ลิปรุ่นนี้ไม่มีชื่อสี แต่มีทั้งหมด 12 สี ไล่ตามตั้งแต่01-12
        เนื้อลิปจะไม่แมท จะออกครีมมี่ ทาง่าย สำหรับบางสีที่สีอ่อนอาจต้องทาซ้ำหลายรอบ แต่สำหรับสีที่เข้มทารอบเดียวกลบสีปากได้จริงไรจริง
เรื่องการติดทน ติดทนพอสมควร เพราะด้วยเนื้อลิปที่ไม่ได้แมท จึงทำให้ลิปหลุดได้ง่าย (แต่เมื่อเทียบกับราคาแล้วให้อภัย)
ลิปทาง่าย ลื่น คอนโทรลง่ายเพราะด้วยตัวแท่งที่เป็นในรูปแบบดินสอ ที่สำคัญคือไม่ต้องเหลา ใช้แบบหมุน ทำให้ง่ายและสะดวกเวลาใช้
ทีนี้มาดูในเรื่องราคา อยากบอกว่า กรีดร้อง เพราะเราซื้อออนไลน์ทางเฟสบุ๊ค ในราคาแท่งละ 89 บาท ไม่รวมค่าจัดส่ง ซึ่งถือว่าคุ้มค่ามากๆๆๆ กับคุณภาพและราคา ที่ไปด้วยกันได้ดี ของถูกและดีใครว่าไม่มีจริง เพียงแต่ค่านิยมของคนเราสมัยนี้ ติดแบรนด์ใช้ของก็ต้องแบรนด์ ใครใช้ของตลาดๆ ก็โดนมองเหยียดหยาม ซึ่งเราว่าไม่ถูกเลย เพราะของตลาดๆแบบนี้ก็มีของที่มีคุณภาพสูงอยู่เหมือนกัน ยิ่งสินค้าของแบรนด์”SIVANNA” นี่ถ้าเทียบกับแบรนของคนไทยแล้วละก็คงมีคุณภาพพอๆกับของมิสทีนเลยทีเลยค่ะ
บ่นๆมาเยอะมาดูสีแต่ละสีกันเลยดีกว่าค่ะ


รวมบรรดา สาวๆ ทั้ง 12 เบอร์ค่ะ


ลักษณะแท่งเป็นแบบหมุนนะค่ะ ง่ายดี สะดวก ปริมาณมีตามรูป คือหมุนสุดเเล้ว
มาดูสวอทสีกันเลย




สรุป
เม็ดสีค่อนข้างชัดเจน แต่สีอ่อนอาจต้องทาซ้ำหลายรอบ เพราะอ่อนมาก
ส่วนสีที่เข้ม ทารอบเดียวก็กลบสีปากได้ 
กลิ่นเป็นกลิ่นช็อกโกแลต เหมือนขนม น่ากินดี
ต้องทาซ้ำในระหว่าง 3-4 ชม. นับว่าก็โอเคอยู่กับราคาเท่านี้
เเล้วได้คุณภาพเท่านี้เหมาะสมกันดี 

ใช้ของถูกที่ดีมี อย. ยังดีกว่าไปใช้ของแบรนด์ แต่เป็นของ ก็อป ไม่มี อย. ทำให้หน้าพัง

สำหรับวันนี้ไปเเล้วนะค่ะ เจอกันใหม่บทความหน้าค่ะ บ๊ายบาย 

https://www.facebook.com/sivanna.beauty